Search

คอลัมน์การเมือง - บุคคลแนวหน้า : 3 กรกฎาคม 2563 - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

humanrightsmiddleeast.blogspot.com

“บุคคลแนวหน้า” ใน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า” สื่อ “อุดมการณ์มั่นคงตรงไปตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ทำหน้าที่นำเสนอข้อเท็จจริงทุกตัวอักษรทุกบรรทัดแก่ “ผู้บริโภคข่าวสารผู้มีอุปการคุณแฟนคลับนสพ.แนวหน้า”โดยขอเริ่มจากคำว่า “การ์ดอย่าตก” แล “จงเอาเยี่ยงกา แต่อย่าเอาอย่างกา”เพราะ “ไม้หน้าสาม”เห็นภาพหลังคลายล็อก “เฟส 5” สังคมไทยเปรียบเสมือน “กระดี่ได้น้ำกระดี๊กระด๊าทันควัน” สิ่งที่เคยกระทำอย่างเคร่งครัด กิจกรรมที่ยังไม่ได้รับการปลดล็อกก็เริ่มหย่อนมากขึ้น “ไม้หน้าสาม” ยอมรับว่าขี้ตกใจตระหนกเป็นอย่างมาก แม้ “หมอหล่อ-นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค.”และคณะจักเจื้อยแจ้วทุกวันว่าไม่พบผู้ป่วย “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)”ใหม่ในประเทศมาอย่างต่อเนื่องเกือบ 40 วัน หรือเกือบ 3 เท่าของระยะเวลาฟักเชื้อ พบแต่ผู้ป่วยติดเชื้อที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศก็ตามที ทว่า การที่รถไฟฟ้าไม่จัดที่นั่งเว้นระยะ “Social Distancing”เหมือนที่เคยปฏิบัติ แต่สำรอกเสมอว่า “New Normal” แสดงให้เห็นถึงความหย่อนยานในเรื่องระเบียบวินัยและการใส่ใจ “ประมาท” คิดว่าวงการแพทย์วงการสาธารณสุขไทยดีเยี่ยมจนเคยได้รับคำชมจากนานาชาติและองค์กรระหว่างประเทศหลายองค์กรมาแล้ว “ความประมาท” เป็น “หนทางแห่งความตายและหายนะ”มาให้เห็นเป็นประจักษ์แล้วยิ่งบทเรียนที่เกิดขึ้นกับมหาอำนาจในเอเชีย และมหาอำนาจโลก อาทิ จีน - ญี่ปุ่น - เกาหลีใต้ – ออสเตรเลีย – นิวซีแลนด์ – สหรัฐอเมริกา และอีกหลายๆ ชาติในอาเซียน ในตะวันออกกลาง และทวีปยุโรปที่ “ความประมาท” ทำให้เกิดการระบาดของ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาโควิด-ไนน์ทีน”ระลอกสอง นำมาซึ่งหายนะครั้งใหญ่หลวงของมวลมนุษยชาติที่บอกได้แค่ว่า “ประเมินค่า” มิได้ ยิ่งในพ.ร.บ.งบฯรายจ่ายปี 2564 จำนวนกว่า 3.3 ล้านล้านบาท ส่วนหนึ่งยังเน้นหนักในเรื่องของการแก้ไขเยียวยาผลกระทบจากวิกฤติการแพร่ระบาดของ“โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา(โควิด-19)” จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะให้สังคมไทยดำเนินไปด้วยความประมาท “ไม้หน้าสาม” เป็นคนขี้ตระหนกตกใจง่ายจึงอยากเห็นมาตรการทางสาธารณสุขและสังคมที่เข้มงวดจริงจังอีกครั้ง เพื่อตอกย้ำ “มาตรฐานสาธารณสุขประเทศไทย” ไม่ใช่แค่ “ภาพลวงตา-เล่ห์มายา” เท่านั้น...

nn เมื่อโลกเกิดหายนะทางเศรษฐกิจจาก “พิษโควิด-19” อะไรที่สมควรเริ่มสมควรกระทำ “บิดาแห่งความเหลื่อมล้ำ-ผู้นำแห่งการก่อหนี้” ชื่อที่นักการเมืองสันดานอีกาใช้เรียกขาน “ทหารแก่-ผู้นำรัฐบาลไทยคนปัจจุบัน” ก็สมควรเดินหน้าเพื่อให้ออกดอกงอกเงยเห็นผลโดยเร็ว อาทิ “นิคมอุตสาหกรรมจะนะ จังหวัดสงขลา” ที่วางแผนก่อสร้างเพื่อตักตวงผลประโยชน์เพื่อชาติ จักมี “สมาชิกใน Animal Farms” จับมือ“สัมภเวสีและเปรตเดือน 10 ในพื้นที่” จัดฉากสร้างละคร “ชุมชนของหนู” เพื่อหวังใช้วัฒนธรรมคนไทย “ม้าอารีย์” ยับยั้งความเจริญในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในขณะที่ประเทศไทยอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหาร ที่เป็นยุทธศาสตร์ความเจริญที่สำคัญทางเศรษฐกิจหลังพิษภัย “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)” สร่างซาลง เหตุผลใดจึงคัดค้านการสร้างนิคมอุตสาหกรรมรองรับการลงทุนของทุนต่างชาติ คิดและประณามได้อย่างเดียวว่า นี่แหละ!! “กลุ่มชังชาติ” โดยแท้...

nn จะมีหายนะใดรุนแรงมากไปกว่าคนในชาติขัดขาขัดขวางความก้าวหน้าและผลประโยชน์ของชาติด้วย “เกมการเมือง-นักการเมืองสันดานอีกา” รวมถึงกลุ่มที่อ้างตัวเองว่า “กลุ่มรณรงค์เพื่อสังคม หรือ เอ็นจีโอ” ยามนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติสมควรที่ทุกฝ่ายหยุดการเล่นเกมการเมือง และหันมาร่วมแรงร่วมใจสร้างดินแดนสยามให้มีสถานะทางเศรษฐกิจที่ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”มิใช่หรือ...

nn เมื่อกล่าวถึงการเมือง “ไม้หน้าสาม” รู้สึกอเนจอนาถสยดสยองกับเกมการเมืองใน “พรรคพลังประชารัฐ” ที่ดูมีท่าทีคล้ายจะสงบลงเมื่อยุทธการล้างบาง 4 กุมารเป็นไปตามเป้าหมาย “เฒ่าชราขี้ลืม” โดยเฉพาะของมีค่าที่ยืมมาจากเพื่อน อย่าง “ลุงป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี” ถ่มน้ำลายรดฟ้าตะเกียกตะกายปีนป่ายขึ้นรับตำแหน่ง “หัวหน้าพรรคพปชร.” ทว่า “ดูกรท่านผู้เจริญสงครามแย่งชิงก้อนเนื้อ” ยังไม่ยุติ เพราะเป้าหมายสูงสุดของยุทธการนี้คือการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) สส.ลูกหาบกลุ่มการเมืองไดโนเสาร์เต่าล้านปียังคงเดินหน้าบดขยี้ “เฮียกวง -สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” บุรุษตึ๋งหนืด– รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลนโยบายเศรษฐกิจ” อย่างต่อเนื่อง ต้องถามใจ “ทหารแก่ ลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี จะเกาะเก้าอี้ สิโรราบยอมให้ระบบการเมืองชี้นำปรับครม.ประหนึ่งเป็นเก้าอี้ดนตรีหรือไม่???...

nn ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง มีสัญญาณบ่งชี้ถึงหายนะครั้งใหญ่ในไม่กี่เดือนข้างหน้า เริ่มจากสถิติยอดการส่งออกของไทยตกต่ำสุดในรอบ 130 เดือน ติดลบทะลุร้อยละ 22.5 ส่วนการนำเข้าก็ติดลบร้อยละ 34.41 ซ้ำร้ายส่งออกยังเกินดุลกว่า 2.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดุลการค้าเกินดุลทะยานไปกว่า9 ล้านดอลลาร์ หากไม่ดูแล “นโยบายการเงิน” ให้ดีย่อมส่งผลให้เกิดภาวะ “เงินบาทแข็งค่า” ซ้ำเติมการส่งออกให้ยากลำบากเข้าไปอีก โดยเงินบาทหลุดระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์แล้ว และมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องจนอาจหลุดระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์เสียด้วยซ้ำไป...

nn ประเด็นที่น่าเป็นห่วงก็คือตัวเลขหนี้เน่าหนีเสีย NPL จาก ผลพวงนโยบายพักชำระหนี้ 3-6 เดือน โดยมีการปรับแก้เกณฑ์ ธปท.ไม่ให้มีการปรับชั้นหนี้เป็น NPL เพื่อช่วยเหลือแบงก์ไม่ให้มีความผิด และไม่ต้องบันทึกประวัติเสียของลูกหนี้เข้าเครดิตบูโร ที่ผ่านมามีลูกหนี้ขานรับมาตรการดังกล่าวพักหนี้ไปถึง 16.3 ล้านราย รวมหนี้ราว 6.8 ล้านล้านบาท หากลูกหนี้จำนวนนี้ไม่มีความสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ร้อยละ 30-50 ย่อมส่งผลทำให้เกิดหนี้เสียแตะที่ระดับ2 ล้านล้านบาท หรือ 3.4 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว ก็ขอเอาใจช่วย “ตู่ทหารแก่” อย่าเดินติดบ่วงการเมืองนรกแล้วกัน เพราะห้วงเวลาหายนะกำลังเกิดขึ้น “เศรษฐกิจ” จะยุบยวบลงอย่างแสนสาหัส นโยบายกระตุ้นท่องเที่ยวอัดฉีดเม็ดเงินลงไปนั้นยัง “เกาไม่ถูกที่คัน” ควรแสวงหามาตรการรับมือหายนะทางเศรษฐกิจให้ถูกที่อย่างเร่งด่วน...

nn ถึงบรรทัดนี้“ไม้หน้าสาม”ขอเอาใจช่วย “เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ” ที่มีเสียงเล่าอ้างว่าทุ่มเทขมีขมันช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรเยียวยา “พิษโควิด-19” ในขณะที่ยังสาละวนกับวิกฤติภัยแล้งในฤดูฝน ทว่ากลับมีอีแร้งเดินสายเข้าไปวุ่นวายควักลึกล้วงลูกข้าราชการ ซึ่งผู้คน “สายจิ๊กโก๋เหยียบไส้เดือน”รู้จักกันในนาม Dr.ONE พญาแร้งไม่ใช่พญาอินทรีที่ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา ภารกิจหลักอวดอ้างตัวเป็นคณะทำงานฝ่ายการเมือง ทั้งที่เป็นแค่ “เห็บสุนัข”เป็นหนึ่งในกลุ่ม “บิ๊กบราเธอร์” ที่แวดล้อมข้างกาย “เสี่ยต่อ” สร้างความเอือมระอาให้กับข้าราชการเป็นอย่างมาก โอหังบังอาจ!!สั่งการหัวหน้าส่วนราชการข้ามหัวรัฐมนตรีในทางลับเพื่อจัดวางคนของตนเองในตำแหน่งที่ต้องการ ล่าสุด พญาแร้งตัวนี้เข้าไปสร้างความปั่นป่วนที่การยางแห่งประเทศไทย “ไม้หน้าสาม”ขอเสียมารยาทสะกิดสีข้าง “เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย”ตรงนี้สมควรตัดไฟเสียแต่ต้นลมไม่เช่นนั้น ก็จะทำให้อำมาตย์เสนาบดีที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชนมัวหมองโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเลวร้ายที่สุดผลพวงจากการล้วงลูกพญาแร้งหนึ่งเดียวนี้ จะส่งผลเสียหายต่อพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางที่ผจญเคราะห์ซ้ำกรรมซัดด้วยราคาผลผลิตอยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย จะมาอ้างไม่รู้ไม่เห็นในภายหลังคงไม่ได้ จักช้าไปเสียแล้ว สู้เป็น“ม้ามโนมัย”จักไม่ดีกว่าหรือ

"ไม้หน้าสาม"




July 03, 2020 at 02:00AM
https://ift.tt/3eVvNgL

คอลัมน์การเมือง - บุคคลแนวหน้า : 3 กรกฎาคม 2563 - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://ift.tt/3cJxo7G


Bagikan Berita Ini

0 Response to "คอลัมน์การเมือง - บุคคลแนวหน้า : 3 กรกฎาคม 2563 - หนังสือพิมพ์แนวหน้า"

Post a Comment

Powered by Blogger.